| |||
ชี้จุดเด่นและแนวทางการเล่นทั้ง 6 อาชีพ
ในที่นี่คิดว่าเพื่อนๆ น่าจะเข้าใจระบบการเล่นเกมเริ่มต้นได้ไม่ยาก ในครั้งนี้จึงขอมาเตรียมความพร้อมก่อนลงสมรภูมิจริงกันอีกสักครั้ง ด้วยการเจาะลึกความสามารถของทั้ง 6 อาชีพ ว่ามีจุดดีแตกต่างกันตรงไหนบ้าง และมีแนวทางเล่นอย่างไร
• Azure Knight
จุดเด่น
- มีพลังป้องกันสูง และพลังชีวิตพอสมควร
- จำนวนอาวุธที่เลือกได้ สกิลและเลือกสายการเล่นได้หลากหลายกว่าทุกอาชีพ
- ถ้าใช้โล่ รวมกับสกิลของดาบ จะทำให้เป็นอาชีพที่มีอัตราการป้องกันที่ดีที่สุดในเกม
- มีสกิลเพิ่มอัตราการฟื้นพลังชีวิตอย่างรวดเร็ว ประหยัดยาฟื้นพลังได้มาก
อาวุธและสกิล
อาวุธหลักๆ ที่ใช้ได้มี 3 แบบ คือ Sword, Mace และ Axe ซึ่งทั้ง 3 ชิ้นยังแบ่งเป็นแบบมือเดียว และแบบถือ 2 มือ ทำให้ใช้อาวุธรวมได้ 6 แบบ นับรวมโล่ด้วยจะมีดังนี้
1. อาวุธมือเดียว + โล่
มีพลังป้องกันสูงโดยใช้โล่ช่วยเพิ่มค่า DEF และอัตราการ Block แบ่งตามสกิลเป็นดังนี้
1.1. Sword พลังโจมตีน้อย มีสกิลเด็ดเป็นการเสริมอัตราการ Block ที่สูงมาก
1.2. Mace พลังโจมตีปานกลาง มีท่าโจมตีเป็นกลุ่ม และมีสกิล Stun ถึง 2 สกิล
1.3. Axe พลังโจมตีสูง สกิลแรง มีท่าทำให้เดินช้า และทำให้ศัตรูโจมตีช้า
นิยมเลือกใช้ Sword คู่กับ Shield เพื่อเน้นเป็นสายป้องกันเต็มตัว เพราะจะมีสกิลเพิ่มพลังป้องกัน และอัตราการ Block ข้อเสียของสายนี้คือ เนื่องจากสายโล่น้นการป้องกัน ทำให้พลังโจมตีเบากว่าอีก 2 สาย แต่ด้านการป้องตัวจะดีกว่าสายอื่นๆ
2. สายอาวุธใหญ่ ถือด้วยมือทั้งสองข้าง
ถืออาวุธขนาดใหญ่โจมตีศัตรู รูปแบบการเล่นจะต่างกันไป ขึ้นกับว่าถือ Great Sword, Great Mace หรือ Great Axe ส่วนใหญ่จะพิจารณาจากสกิลที่ใช้ ว่าต้องการสกิลประเภทไหน (ดูตามข้อ 1) แล้วยังใช้สกิลของ 2H Weapon ได้ พลังทำลายของสกิลค่อนข้างรุนแรง
3. สายอาวุธมือเดียว + อาวุธมือเดียว
โจมตีได้ต่อเนื่องอย่างว่องไว สร้างความเสียหายเฉลี่ยได้ดีมาก ไม่สามารถใช้สกิลของอาวุธแต่ละชนิดแบบ 2 ข้อแรก ต้องใช้สกิลของ Dual Weapon เท่านั้น โดยไม่สนว่าถืออาวุธประเภทไหน ส่วนใหญ่นิยมใช้ขวานเพราะมีพลังโจมตีมากกว่าอาวุธชนิดอื่น สกิลที่ใช้เป็นสาย Dual Mastery และ Dual Advance ที่มีพลังทำลายรุนแรงมาก ข้อเสียของสายนี้คือ ไม่มีสกิลป้องกันตัว และสกิลโจมตีต่อเนื่องไม่ค่อยแรงมาก
เปรียบเทียบอาวุธทั้ง 3 ชนิดตอนเลเวล 105
แนวทางการอัพสกิล 50 เลเวลแรก
ตามอาวุธที่ใช้ = ช่วงแรกประมาณ 6 เลเวลจะได้อาวุธใหม่ (ตั้งแต่เลเวล 85 ประมาณ 10 เลเวล) พอจะถึงเลเวลที่ใส่อาวุธในขั้นต่อไปได้ ก็ให้เผื่อ Status ไว้ สำหรับอัพอาวุธชิ้นนั้นแทน
แนวทางการอัพสกิลช่วงแรก
ก่อนอื่นต้องตัดสินใจให้ได้ล่ะครับว่าจะเล่นสายไหน สายที่นิยมที่สุดในเซิร์ฟเวอร์ต่างประเทศ คือ แบบดาบมือเดียว + โล่ (PVP ดี) กับแบบอาวุธ 2 ข้าง (เก็บเลเวลช่วงต้น - กลางดี) แนะนำให้ลองเลือกจาก 2 สายนี้ก่อนแนวทางการอัพสกิลช่วงแรก ให้เพิ่มระดับสกิลที่มีผลติดตัว และเกี่ยวข้องกับอาวุธที่เราใช้ ส่วนสกิลอื่นๆ ก็อัพแค่เป็นทางผ่านไปก่อน แต่สกิลในหัวข้อ Passive อาจจะเลือกอัพจนเต็มทุกสกิลก็ได้ เพราะใช้งานในช่วงหลังได้ดี ยกเว้นสกิล Power Strike
ตอนเลเวล 25 จะได้สกิลที่ชื่อว่า Strength Health สำหรับเร่งอัตราฟื้น HP ใน 10 วินาที เลเวล 1 ก็ฟื้น HP ได้ถึง 970 โดยใช้ MP 24 เท่านั้น ประหยัดค่ายาฟื้น HP ได้มาก ถ้าอัพถึงเลเวล 5 จะช่วยในการเล่นช่วงหลังด้วย แต่ถ้าต้องการ Point ไปเล่นสายผสม แนะนำว่าอัพไว้เลเวล 1 ก่อน
อีกสกิลที่ให้อัพไว้แค่เลเวล 1 ก่อน คือ Insensibility ตอนเลเวล 45 รอช่วงหลังค่อยกลับมาอัพจนเต็มเพราะไม่ต้องใช้
Bagi Warrior
จุดเด่น
- ความสามารถแบบติดตัว ถ้าอัพจนเต็ม จะเพิ่มอัตรา Critical 14% และป้องกันธาตุทุกชนิดถึง 11%
- มีชุดป้องกันพลังป้องกันสูงกว่า Azure Knight สายโล่ (ถ้าไม่นับสกิล)
- สกิลสนับสนุนตัวเองเยอะมาก เช่น กันธาตุ, กันเวทมนตร์, กันการโจมตีกายภาย (เป็น %) เป็นต้น
- ช่วงหลังมีสกิลต่อต้านสถานะผิดปกติแทบทุกชนิด โดยผลสกิลนานพอสมควร และแทบจะใช้ต่อได้ทันทีที่สกิลหมดผล ทำให้ต่อสู้กับอาชีพอื่นใน PK และ PVP ได้ดี
จุดด้อยอย่างหนึ่งในอาชีพนี้ คือ อาชีพนี้ไม่มีสกิลช่วยฟื้น HP แบบ Azure Knight หรือ Vicious Summoner ทำให้ตอนเก็บเลเวลต้องพกยาฟื้น HP ค่อนข้างเยอะ
อาวุธ และสกิล
อาวุธชนิดเดียวที่ใช้ได้มีเพียงสนับมือ ส่วนด้านสกิลถือว่าไม่ซับซ้อน เข้าใจง่ายกว่าอาชีพอื่นๆ จึงมีเพียงสายกำปั้นที่เล่นได้
แนวทางการอัพสกิล 50 เลเวลแรก
ด้านแนวทางการเล่นก็ไม่ซับซ้อนครับ สกิลไหนเป็น Passive Skill และสกิลเสริมความสามารถ แนะนำอัพจนเต็ม ส่วนสกิลโจมตีขอให้อัพไว้ที่เลเวล 1 เพื่อเป็นทางผ่านก็พอ รอสกิลโจมตีในช่วงเลเวล 50 ขึ้นไปค่อยเริ่มเพิ่มระดับ
ท่าโจมตีที่แนะนำให้อัพจนเต็มก็มี Shock Wave ตอนเลเวล 37 เพราะที่เลเวล 5 จะ Stun ศัตรูได้ 3.8 วินาที ส่วน Triple Ravage ตอนเลเวล 50 ก็เป็นอีกท่าที่ดีเพราะลด HP สูงสุดศัตรูได้ชั่วขณะ น่าอัพจนเต็มเช่นกัน
Incar Magician
จุดเด่น
- มีสกิลโจมตีที่รุนแรง ทั้งโจมตีเดี่ยว และเป็นกลุ่ม
- มีสกิลเพิ่มอัตราการป้องกันถึง 2 สกิล จึงมีพลังป้องกันสูงระดับกลางๆ ของทั้ง 6 อาชีพ
- สกิล Mastery แต่ละชนิด ช่วยเพิ่มอัตราป้องกันธาตุไฟ, น้ำแข็ง และสายฟ้าได้ถึง 15%
- ธาตุน้ำแข็ง มีหลายสกิลที่สามารถหยุดการเคลื่อนที่ศัตรูได้
อาวุธ และสกิล
อาวุธระหว่าง Wand และ Staff ส่วนใหญ่จะนิยม Wand เพราะ Staff ใช้ STR มากเกินความจำเป็น แต่ในช่วงหลังบางคนจะเล่น Staff เพราะใส่เพชรใน Socket ได้มากกว่า Wand
ด้านสกิลพิจารณาจากสายที่นิยมเล่น นิยมธาตุไฟและน้ำแข็ง เนื่องจากธาตุสายฟ้าไม่ค่อยมีความแตกต่างในช่วงหลัง (ช่วงแรก Delay น้อย) และเบากว่าธาตุไฟ สายที่แนะนำให้เล่นมีดังนี้
1. Fire + Ice : คู่หูที่เหมาะมาก ใช้ธาตุไฟโจมตีแบบหนักหน่วง และธาตุน้ำแข็งหยุดการเคลื่อนไหวของศัตรู
2. Fire + Ice + Lightning : เป็นการใช้ทั้ง 3 ธาตุโจมตี โดยเลือกสกิลสุดท้ายของแต่ละสาย
3. Lighting + Ice : ช่วงหลังมอนสเตอร์ที่ต้านไฟมีเยอะมาก และด้าน PVP ก็ป้องกันพวกใส่ชุดกันธาตุไฟได้เป็นอย่างดี
แนวทางการอัพสกิล 50 เลเวลแรก
สกิลติดตัว และเรียกใช้ส่วนใหญ่อัพเต็มเกือบหมด ตัวที่คิดหนักมีเพียง Mana Force สำหรับเร่ง MP อัพเต็มไปก่อนก็ได้ครับ ทำให้เก็บเลเวลสะดวกขึ้น ไว้ Item Shop ที่เป็นยา MP แบบแพ็คใหญ่มา ค่อยรีเซ็ตสกิลก็ได้
ด้านสกิลโจมตีให้อัพในสายที่เล่นอย่างละ 1 เลเวล ถ้าบางสกิลไม่มีทางผ่าน อาจไม่อัพเลยก็ได้ เช่น Energy Bolt เป็นต้น
เนื่องจากอาชีพนี้ใช้สกิลเป็นหลัก ถ้าอยากเก็บเลเวลแบบไวมาก แนะนำให้อัพโจมตีแบบเป็นกลุ่ม (มาตอนเลเวล 36) ที่ใช้จนเต็มทุกสกิลในช่วง 80 เลเวลแรก โดยเฉพาะสกิลโจมตีเป็นกลุ่ม แล้วค่อยไปรีเซ็ตสกิลช่วงหลัง
Segita Hunter
จุดเด่น
- ได้เปรียบมอนสเตอร์ด้านระยะการโจมตี ถ้ายิงสลับกับการใช้สกิล ศัตรูแทบจะวิ่งไม่ถึงตัว
- สกิลสนับสนุนด้านเก็บเลเวลดีพอสมควร เช่น สกิลเร่งอัตราการฟื้น HP หรือ สกิลเพิ่ม HP สูงสุด
- ใน PVP ยังคงได้เปรียบศัตรูในด้านระยะห่าง และมีสกิลเร่งความเร็วสำหรับวิ่ง
อาวุธ และสกิล
มีอาวุธให้เลือกระหว่าง Bow กับ Cross Bow ซึ่งถ้าใช้สกิลเรื่อยๆ ก็จะไม่มีความแตกต่างกันมาก แต่จะไปต่างด้านบางสกิล โดย Bow จะมีสกิลโจมตีแบบกลุ่มที่ดีมาก (Triangle Shot) ส่วน Cross Blow จะเน้นพลังทำลายมอนสเตอร์ 1 ตัวมากกว่า สกิลของอาวุธทั้ง 2 ต่างกันเพียง 4 สกิลเท่านั้น ความสามารถส่วนใหญ่ยังคงสามารถใช้ร่วมกันได้
สาย Dagger รูปแบบการเล่นจะเปลี่ยนไปใช้ STR แทน และสู้ในระยะประชิด แต่เนื่องจากมีสกิลโจมตีน้อย ช่วงหลังจึงเล่นยากสักหน่อย เมื่อนับสายการเล่นทั้งหมด จะแบ่งเป็นสาย Bow, Cross Bow, Dagger และสายผสมระหว่าง Bow กับ Cross Bow
Status แนะนำ
* สายมีด จะเน้นค่า STR แทน ส่วนค่า DEX อัพตามอาวุธ
แนวทางการอัพสกิล 50 เลเวลแรก
ด้านสกิลโจมตีส่วนใหญ่จะอัพไว้เพียงเลเวล 1 ก่อน แล้วไปเน้นสกิลช่วงหลังแทน สกิลที่จำเป็นต้องอัพยาวๆ ของสาย Bow ก็มี Triangle Shot ซึ่งเป็นการยิงเป็นกลุ่มหลายชุด เหมาะกับการสู้กับศัตรูทีละหลายตัว อีกสกิลก็ Explosion Arrow ที่โจมตีเป็นกลุ่มเล็กๆ เช่นกัน ส่วนพวก Slow Arrow ก็อัพไว้แค่ 1 ก่อนนะครับ ยังใช้งานไม่บ่อยเท่าสกิลโจมตีช่วงหลัง
ด้านสกิลสนับสนุนก็อัพ Wind Moving เต็ม ส่วนอีก 3 สกิล ก็ดูตามความจำเป็นที่ต้องใช้งาน แนะนำให้อัพเต็มทุกสกิล เพื่อความสะดวกในการเก็บเลเวลครับ
Segnale
จุดเด่น
- เป็นอาชีพเดียวที่ฟื้นพลัง, บัฟ, ชุบชีวิตให้แก่คนอื่นที่ตายได้ เป็นที่ต้องการของปาร์ตี้
- สามารถเก็บเลเวลเองได้โดยใช้สกิลสาย Blood โดยไม่ลำบากเหมือนอาชีพสายสนับสนุนในเกมอื่น
- สกิลสาย Curse ส่งผลแรงมาก นำมาใช้ใน PVP หรือ Siege War ได้ดี
อาวุธ และสกิล
อาวุธใช้ได้เพียง Blood Whip เท่านั้น ส่วนสกิลนิยมเล่น 2 แบบ คือ
1. สายต่อสู้ (Blood + Heal) สายที่เหมาะสมกับการเก็บเลเวลเอง แล้วยังมีสกิลที่มีประโยชน์สำหรับปาร์ตี้ จะอัพสกิลสาย Curse ไว้บ้างสักอย่างละ1 เลเวล เพื่อใช้งานในบางกรณี สายนี้ถ้าเน้นต่อสู้ก็เลือกสกิล Heal เท่าที่จำเป็น แต่ถ้าจะเน้นสนับสนุน ก็เลือกสกิล Blood เฉพาะที่ใช้งานบ่อยๆ ก็พอ
2.สายคำสาป (Curse + Heal) เพิ่มสกิลคำสาปที่มีผลกับศัตรูอย่างรุนแรง มีประโยชน์ในรบแบบปาร์ตี้แบบ PVP หรือ Siege War มาก แต่เก็บเลเวลเองลำบาก ซึ่ง Curse ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมาก
แนวทางการอัพสกิล 50 เลเวลแรก
สกิลฟื้นพลัง ถ้าสาย PVP เดี่ยวหรือกลุ่ม ยังไงก็อัพ Heal จนครบทุกสกิล ด้านสกิลบัฟที่มีแบบเดี่ยว กับแบบกลุ่ม (ใช้ซ้อนทับกันไม่ได้) แนะนำให้เลือกแบบเดี่ยวเพราะสามารถอัพได้ถึงระดับ 10 และผลสกิลนานกว่า ส่วนสกิลบัฟอื่นให้อัพจนเต็ม
สกิล Curse Mastery มีผลกับสาย Blood แนะนำให้อัพไว้ด้วย ส่วนสกิลสาย Curse อาจเว้นไว้ก่อน เพราะไม่ได้ใช้ในการเก็บเลเวลช่วงแรกแน่นอน
สกิล Blood Mastey ไม่จำเป็นต้องอัพก็ได้ มีผลเฉพาะอัตราเร่ง HP เท่านั้น เช่นเดียวกับ Healing Mastery ซึ่งมีผลด้านฟื้น MP เช่นกัน (แต่บางคนก็อัพเต็ม เพราะ MP เด้งเร็วขึ้น) ส่วนท่าโจมตีแนะนำให้อัพ Blood Hit จนเต็ม ซึ่งเป็นท่ามีประสิทธิภาพมาก จากนั้นอัพสกิลอื่นๆ เลเวล 1 รอสกิลโจมตีเลเวลสูง
Vicious Summoner
จุดเด่น
- สามารถเรียก Summon สามารถช่วยต่อสู้ได้เป็นอย่างดี แล้วยังใช้หลอกล่อมอนสเตอร์ได้
- เป็นอาชีพที่เล่นแบบคนเดียวได้ดีอาชีพหนึ่ง จนถึงช่วงหลัง
- ใช้สกิล Blood Bat ในการฟื้น HP ได้ ช่วยประหยัดยา
- สกิลสาย Cosmos มีพลังทำลายสูงมาก จึงมีสกิลโจมตีที่แรงไม่แพ้อาชีพอื่น
อาวุธ และสกิล
ตามอาวุธแบ่งเป็นสองรูปแบบ
1. Twin Blade สายประชิดตัวที่เน้นค่า STR เป็นหลัก ตามด้วยค่า SPR เล็กน้อย ดาบคู่ที่ฟาดฟันศัตรูอย่างรวดเร็วในระยะประชิด มีสกิลต่อสู้ที่รุนแรงไม่แพ้อาชีพอื่น
2. Staff สายเวทมนตร์ที่เน้นค่า SPR เป็นหลัก ตามด้วย STR เล็กน้อย สายนี้ได้เปรียบด้านระยะ จึงไม่จำเป็นต้องประชิดตัวคู่ต่อสู้ แม้แต่ใน PVP
ตามอสูรแบ่งเป็นสองรูปแบบ แต่ไม่ส่งผลต่อ Status ที่อัพ แนะนำให้เลือกเพียงแบบใดแบบหนึ่งเท่านั้น ถ้าอัพทั้งสองสาย จะไม่เหลือคะแนนสกิลอัพท่าโจมตีของอาวุธ
- Beast เผ่าสัตว์ป่าที่มีพลังโจมตีสูง
- Libido เผ่าปีศาจที่พลังป้องกันกับพลังชีวิตสูง
ส่วนใหญ่จะนิยม Libido เพราะต้องการมอนสเตอร์เป็นตัวแท็งค์ในช่วงหลัง และบางตัวมีความสามารถพิเศษที่น่าสนใจ แต่บางคนก็นิยม Beast เพื่อต้องการสร้างความเสียหายให้มากที่สุดก็มีอยู่บ้าง
แนวทางการอัพสกิล 50 เลเวลแรก
สกิลสาย Beast และ Libido เลือกตามที่เลือกที่ต้องการ ส่วนด้านสกิลของอาวุธ สกิลที่จำเป็นต้องอัพจนเต็ม ได้แก่ Mastery, Skin of the Foreign Realm และสกิลโจมตีตั้งแต่ 32 ขึ้นของอาวุธที่ใช้ (ช่วงหลังสายดาบสองมือ ก็อาจอัพ Vicious Mastery ด้วยเพราะป้องกันธาตุพิษอีก 15%)
สถานที่เก็บเลเวล 1 – 50
เริ่มเกมเราจะเลือกเริ่มระหว่าง Braiken Castle และ Loa Castle ซึ่งไม่มีความแตกต่างกันมาก อาจต่างกันในด้านจุดเก็บเลเวลบ้าง สามารถใช้ NPC วาร์ปไปอีกเมืองได้ และเซฟวาร์ปในเมืองอื่นได้
ช่วงแรกอาจไม่ต้องเน้นทำเควสต์ เพราะผลตอบแทนไม่ค่อยคุ้ม เลือกเฉพาะเควสต์ที่เกี่ยวข้องกับมอนสเตอร์ก็พอ
เลเวล 1 – 8 : รอบๆ Braiken Castle และ Loa Castle
เลเวล 8 – 15 : North Ares, North Morte
เลเวล 15 – 17 : แถว Danebe ด้านล่าง
เลเวล 18 – 21 : ลงดันเจี้ยน Castor 1F, Narok 1F หรือ Danebe ด้านบน
เลเวล 22 - 34 : แบบปาร์ตี้ แนะนำให้ไป Heiharp ถ้าเล่นคนเดียวอาจเข้าดันเจี้ยนในด้านใน หรือไปในแผนที่ Requies Beach
เลเวล 34 – 45 : แนะนำให้เข้า Novice Dungeon ในแผนที่ Requies Beach (จุดสีขาวกลางแผนที่) เป็นจุดเก็บเลเวลที่เร็วที่สุดในช่วงนี้ (ดันเจี้ยนส่วนตัว เข้าได้คนเดียว) เน้นเก็บเลเวลกับมอนสเตอร์ซึ่งให้ Exp มากกว่าที่อื่นประมาณ 3 – 4 เท่า แต่ไม่ดรอปเงินกับ EXP อาจเก็บที่นี่ยาวจนถึงเลเวล 50 เลยก็ได้
ถ้าไปเป็นปาร์ตี้อาจไปต่อแถว Heiharp, Requies Beach หรือดันเจี้ยน Castor 1F, Narok 1F ในจุดที่ลึกยิ่งขึ้น
ที่มา http://www.online-station.net
0 เพิ่มความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น